ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Alfresco from source

การติดตั้ง Alfresco นั้นมีหลายวิธีด้วยกัน ผมขอแยกเป็นสามกรณีดังนี้
  • ติดตั้งจากตัว Installer ซึ่งวิธีนี้ถือว่าสะดวกที่สุดครับ เนื่องจากตัว Alfresco นั้นเตรียมเครื่องมือที่จำเป็นไว้ให้เกือบหมดแล้ว (บน Windows นี่ถือว่าพร้อมกับการทำงานทีเดียว ส่วนบน Unix จะต้องติดตั้ง MySQL ,Swf2PDF ImageMagick และ OOo - OpenOffice เองครับ เนื่องจากไม่สามารถรันได้แบบวินโดว์)
  • ติดตั้งจากตัว Compiled Binary ซึ่งจะเป็นไฟล์ zip หรือ tarball ตามแต่ระบบปฏิบัติการ
  • วิธีสุดท้ายเป็นวิธีที่ผมจะนำเสนอในตอนนี้คือการ Compile Source จาก SVN ครับ

สองวิธีสุดท้ายนี้เราจำเป็นต้องหาพวก binary ของ third party มาลงเอง (แต่สำหรับ linux ไม่ว่าจะวิธีไหนเราก็ต้องหามาลงเองครับ)

เราสามารถ Check out Source จาก repository จาก Alfresco ได้หลายวิธีไม่ว่าจะ Check out จาก Eclipse โดยผ่าน Subclipse หรือ Netbeans หรือแม้กระทั่ง SVN command line ก็สามารถทำได้

ในที่นี้ผมจะขอเลือกใช้แบบ Command line ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด เพราะมีมาให้กับ linux อยู่แล้วหรือหากใครใช้ Windows อยู่ ผมขอแนะนำให้ติดตั้ง SlikSVN 1.5.x เนื่องจากขั้นตอน build นั้นจำเป็นต้องใช้ svnant ในการ build และตัว lib ของ svnant นั้นจะเรียกใช้ SVN 1.5.x เท่านั้น หากใช้ version 1.6.x นั้นจะทำให้เกิด error ขึ้นตอน build file continuous.xml ครับ

ขั้นแรกให้ check out source ออกมาก่อน


svn co svn://svn.alfresco.com/alfresco/HEAD/root "Alfresco Source"


อธิบายคำสั่งของ svn

  • co คือ checkout ครับ
  • svn://svn.alfresco.com/alfresco/HEAD เป็น repository ครับ ส่วน root นั้นเป็น directory ของ project ครับ ซึ่งจะเป็นตัว source code ทั้งหมดของ project ส่วน "Alfresco Source" นั้นเป็นการตั้งชื่อให้กับ Directory ในเครื่องเราครับ หากเราไม่ใส่เราจะได้ Directory ชื่อ root มาแทน

ปล. svn:// protocal นั้นจะใช้ port 3690 หากใครโดน block port นี้ไว้ ก็ให้ใช้
svn co http://svn.alfresco.com/repos/alfresco-open-mirror/alfresco/HEAD แทนได้ครับ ให้เติม root ต่อท้ายด้วยก็ดีครับ
ปล2. Alfresco Community Edition 3.2 นั้น revision จะอยู่ที่ 15070 ให้เราใส่ parameter ไปด้วยเป็น -r 15070


svn co svn://svn.alfresco.com/alfresco/HEAD/root "Alfresco Source" -r 15070


หลังจากได้ code มาแล้วให้เราเซ็ท environment variable สามตัวหลักที่ต้องใช้คือ

  • TOMCAT_HOME
  • APP_TOMCAT_HOME
  • VIRTUAL_TOMCAT_HOME

ใน Windows เซ็ทโดยไปที่ Control Panel > System > Advanced > Environment Variables
ใน User Variable > New > Variable Name: TOMCAT_HOME > Variable Value:

ใน Linux ให้ set ดังนี้
export TOMCAT_HOME= เซ็ทให้ครบสามตัวเป็นอันเสร็จขั้นตอนเซ็ท Environment

ต่อไปเราจะเริ่ม build ให้เราลง ant ในระบบก่อน ในที่นี้สมมติว่าทุกคนลงเรียบร้อยแล้ว หากยังเอาไว้ผมจะเขียนขั้นตอนการลงไว้ให้ครับ สามารถดูที่ tag how to หรือ search เอาก็ได้ครับ

ให้เราเริ่ม ant build ใน folder Alfresco Source (ชื่อที่เราตั้งไว้ให้ หากไม่ได้ตั้งชื่อไว้ให้จะเป็น HEAD/root หรือ root แล้วแต่ท่านลงไว้ครับ


ant -f build.xml build-tomcat หรือ ant เฉยๆ


อธิบายคำสั่ง ant -f คือ file build ของ target ต่างๆ ที่เราเขียนไว้ คล้ายๆ make file ของ gnu ครับ build-tomcat คือ target ของ build หากไม่ใส่ไว้ตัว default จะเซ็ทไว้ที่ build-tomcat อยู่แล้ว โดยสามารถเข้าไปดูได้ที่ไฟล์ build.xml ครับ

เมื่อเสร็จแล้วเราจะได้ file ต่างๆ ใน folder ตาม TOMCAT_HOME ครับ ซึ่งจะพบว่ามีไฟล์ alfresco.war และ shared.war อยู่ใน directory tomcat/webapps ครับ จากนี้เราสามารถรัน tomcat ได้แล้วครับ ตัว tomcat จะ deploy webapps เราให้อัตโนมัติครับ

หากใครรันบน Windows แล้วไม่ผ่านให้ไปเปลี่ยน Locale ใน Control Panel > Regional and Language ก่อนครับ ให้เป็น en (en_US, en_EN)ครับเนื่องจากตัว Quartz (Job Schedule คล้ายๆ กับ crontab ใน unix ครับ) จะใช้ค่าแบบ locale เป็น en ครับ หากเจอภาษาไทยเข้าไปมันจะเอ๋อครับ

หลังจากนั้นก็ให้เข้า http://localhost:8080/alfresco หรือ http://localhost:8080/share ได้เลยครับ
ตัว share นั้นจะเปรียบได้กับ sharepoint ของ Microsoft เลยทีเดียว

สามารถดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ build ได้ที่ Alfresco SVN Development Environment

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมดหวังกับรายการทีวีในประเทศไทย

ไม่ได้เขียน Blog มานานสกิลด้านเขียนไม่รู้จะยังดีเหมือนเดิมมั้ยนะครับ (หัวข้อก็จะ clickbait  ตามแนว Content ยุคใหม่) จริงๆ แล้ว คิดจะเขียนมาตั้งนานแล้วแต่ไม่รู้จะเขียนอะไร พอดีวันนี้อ่านเจอโพสต์ของเพื่อนในเฟสบุ๊คที่แชร์มา หัวข้อประมาณว่า ประเทศไทยมีความพยายามทำให้คนโง่ลง คือผมก็ติดตามข่าวมาเรื่อยๆ ช่วงไปอยู่จีนก็ยังติดตามอยู่ แต่มีความรู้สึกว่าข่าวของประเทศเรากับประเทศจีนนี่คือคนละขั้วเลย ที่จีนข่าวส่วนใหญ่จะเป็นข่าวที่ค่อนข้างมีสาระ และไม่มีข่าวงมงาย น่าจะเนื่องมาจากกฎหมายของประเทศไทยที่ค่อนข้างคุมเข้มกับสื่อ ย้อนกลับมาที่ไทย ประเทศเราไม่มีกฎหมายคุมเข้มสื่อเหมือนประเทศจีนขนาดนั้น สื่อประเทศเราค่อนข้างมีอิสระในการนำเสนอ แต่หลังๆ มานี่ผมเห็นแต่ข่าวอาชญากรรม หรือข่าวให้หวยซะส่วนใหญ่ ก็เข้าใจว่าต้องการยอดผู้ชม แต่การที่สื่อนำเสนอแบบนั้นนี่ไม่แน่ใจว่าจะดีต่ออนาคตประเทศชาติหรือไม่นะครับ คนดูข่าวเพื่อจะรอเลขเอาไปซื้อหวย ไม่แน่ใจว่าสนใจอะไรมากกว่าระหว่างหวยกับข่าว ตอนจะมีกฎหมายหวยออนไลน์ก็เห็นออกมาต่อต้านบอกมอมเมาประชาชน แต่สิ่งที่สื่อกำลังนำเสนออยู่นั้นมันย้อนแย้งในตัวเองชอบกล...

Alfresco กับ XForm

XForm นั้นเป็น Specification ที่น่าจะกลายเป็นมาตรฐานในอนาคตเนื่องจากเว็บต่างจำเป็นต้องใช้ Form ในการติดต่อกับผู้ใช้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนตัว implement นั้นมีหลายตัวด้วยกันไว้ผมจะเอามาบอกในบทความต่อๆ ไป แต่คราวนี้เรามาดูใน Alfresco กันครับ ใน Version 3.2 นั้น Alfresco ได้เลือก Chiba ในเป็น Engine ในการจัดการกับ XForm ครับ แต่ก็นั่นแหละครับทำให้เราจำเป็นต้องลง virtual tomcat สำหรับรัน WCM (virtual tomcat คือ tomcat อีกตัวไว้สำหรับทำหน้าที่ติดต่อกับ user โดยทั่วไป หรือเรียกว่าเอาไว้เป็นหน้าด่านว่าเอกสารอะไรที่เราต้องการเผยแพร่เราก็สามารถ publish ไปยัง WCM ได้) ตอนนี้ orbeon (เป็น XForm engine อีกตัว) สามารถทำการเชื่อมต่อกับ Alfresco ได้แล้วต่อไปถ้าเราจะสร้าง XForm คงง่ายขึ้นเป็นกองเพราะ orbeon เป็น XForm server ที่ไว้สร้าง Form แบบ virtual เลย(ลากแปะๆ แนะนำให้ลองเข้าไปเล่น demo ของ orbeon ดูครับ น่าเล่นมาก) แต่ตัวนี้ผมยังไม่ได้ลองทำดูนะครับ พอดีค้นหาเจอเลยนำมาลง blog ไว้ก่อน ไว้ถ้าทดสอบแล้วได้ความว่าอย่างไรจะมารายงานอีกรอบ